อาหารสัตว์เลี้ยง

ดูแลน้องแมวอย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคไต

  • สารบัญ ไต ภาวะไตวาย ไตวาย ไตวายเฉียบพลัน ไตวายเรื้อรัง

 ดูแลน้องแมวอย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคไต แมวเป็นโรคไต

ไตแมวมีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษาสุขภาพโดยรวมของน้องแมวให้แข็งแรง โดยการช่วยกรองของเสียจากกระบวนการเผาผลาญออกจากเลือดเพื่อขับออกทางปัสสาวะ ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย และแร่ธาตุเช่น โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และแคลเซียม เป็นต้น นอกจากนี้ยังช่วยผลิตฮอร์โมนที่สำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดงจากไขกระดูก และ ยังสร้างสารและเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ควบคุมความดันโลหิตอีกด้วย

ภาวะไตวายของแมว

คือภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือดและขับออกผ่านปัสสาวะ จึงเกิดสิ่งตกค้างสะสมในร่างกาย เสียสมดุลของน้ำและแร่ธาตุต่างๆในร่างกาย ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมน ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือดตามมา อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นที่ไต จะทำให้มีฟอสฟอรัสสะสมอยู่ในกระแสเลือดมากขึ้น จึงควรเลือกอาหารให้เหมาะสม มีฟอสฟอรัสต่ำ เพื่อชะลอความรุนแรงของโรค และให้แมวมีอายุที่ยืนยาวขึ้น

ไตวาย มีอยู่ 2 ประเภท คือ ไตวายเฉียบพลัน และ ไตวายเรื้อรัง ซึ่งมีสาเหตุ อาการ และการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน

ไตวายเฉียบพลัน

คือการที่ไตหยุดทำหน้าที่อย่างกระทันหัน มักแสดงอาการชัดในช่วงเวลา 1-4 สัปดาห์ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง สามารถเกิดได้กับแมวทุกช่วงอายุ

มีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงในร่างกายอย่างรวดเร็ว เช่น

  • เสียน้ำอย่างรวดเร็วจากการถ่ายเหลว หรือ การอาเจียนจำนวนมาก
  • เสียเลือดมาก ช็อก
  • ความดันต่ำหรือสูงขึ้นกระทันหัน
  • เครียดจากการผ่าตัด
  • ได้รับสารพิษปริมาณมาก หรือ สารพิษที่มีผลโดยตรงต่อไต
  • บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ บริเวณไตถูกกระแทก
  • เกิดนิ่วในไต
  • เกิดการติดเชื้อในไต
  • โรคติดเชื้อบางโรค เช่น Leptospirosis

อาการที่พบบ่อย

  • ปัสสาวะลดลง หรือ ไม่ปัสสาวะเลยใน 48 ชั่วโมง
  • อาเจียน
  • เซื่องซึม ไม่มีแรง
  • ไม่กินอาหาร

ภาวะไตวายเฉียบพลัน มีโอกาสทำให้เสียชีวิตได้ แต่หากได้รับการรักษาทันท่วงที และสามารถควบคุมอาการของโรคได้ ก็มีโอกาสสูงที่ไตจะกลับมาทำงานได้ปกติ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังและหาสาเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังต่อไปในอนาคต

ไตวายเรื้อรัง

ส่วนมากพบในแมวอายุมาก และมีอาการคงอยู่นานกว่า เนื่องจากไตมีไส้กรองอยู่หลายพันหน่วย เมื่ออายุมากขึ้น หน่วยกรองเหล่านี้ก็จะเสื่อมลงตามอายุ แต่ถึงแม้ว่าหน่วยกรองบางส่วนจะเสียหายไป ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถทำงานได้ปกติ ทำให้ส่วนมากแล้วกว่าจะแสดงอาการ หรือตรวจเลือดเจอว่าค่าไตขึ้น ไตอาจเสียหายไปแล้วเกิน 75% หรือกว่า 2 ใน 3 ของเนื้อไต โอกาสในการเกิดโรคไตเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในแมวที่อายุมากกว่า 10-15 ปี โดยเฉพาะแมวที่อายุมากกว่า 15 ปี มีแนวโน้มป่วยด้วยโรคนี้กว่า 30% เจ้าของควรพาแมวที่อายุ 7 ปีขึ้นไป ไปตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปี ทั้งตรวจสุขภาพและตรวจปัสสาวะเพื่อหาค่าโปรตีนในปัสสาวะด้วย หากมีความผิดปกติ เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ

มีโอกาสเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • ระบบร่างกายเสื่อมตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมากกว่า 7 ปี
  • การอุดตันในระบบทางเดินปัสสาวะ การไหลเวียนของเลือดหรือปัสสาวะไปที่ไตลดลง
  • พันธุกรรม ในแมว Maine Coon , Abyssinian , Siamese , Russian Blue, Burmese, Persian และ Angora เป็นต้น
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคมะเร็ง
  • โรคเบาหวาน
  • โรคทางทันตกรรมขั้นสูง
  • กลืนกินสารพิษเข้าร่างกาย เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด ฟีนอล ยาบางชนิด สารป้องกันการแข็งตัวของน้ำ
  • เคยเป็นไตวายเฉียบพลันแต่ไม่สามารถคืนสภาพกลับมาเป็นปกติได้
  • อาหารที่มีฟอสฟอรัสหรือโปรตีนสูง

อาการที่พบบ่อย

  • กินน้ำมากขึ้น
  • ปัสสาวะมากขึ้น มีเลือดปน หรือไม่ปัสสาวะเลย
  • น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ขนไม่เป็นมันเงา
  • อ่อนเพลีย ง่วงซึม
  • ท้องผูก หรือ ท้องเสีย
  • เบื่ออาหาร
  • เหงือกซีด มีแผลในช่องปาก มีกลิ่นปาก (มักเป็นกลิ่นแอมโมเนีย)
  • เท้าซีดเหลือง
  • ตาบอดเฉียบพลัน
  • ชัก หมดสติ

ภาวะไตวายเรื้อรัง เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถดูแลรักษาตามอาการและพยุงอาการให้น้องแมวใช้ชีวิตต่อไปได้อีกนาน

การป้องกัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไต

  • จัดให้น้องแมวเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดได้ตลอดเวลา กระตุ้นให้แมวดื่มน้ำเยอะๆด้วยน้ำพุแมว วางชามใส่น้ำไว้ตามจุดต่างๆ เปลี่ยนน้ำเป็นประจำ และไม่วางใกล้กระบะทราย
  • เลือกอาหารที่ไม่เค็มจนเกินไป
  • เลี้ยงแมวระบบปิด เพื่อลดโอกาสรับสารเคมี หรือสารปนเปื้อนเข้าร่างกาย
  • พาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เมื่ออายุเกิน 7 ปี ควรได้รับการตรวจสุขภาพสำหรับแมวสูงอายุ เป็นประจำทุกปี

วิธีการวินิจฉัยโรค

  • ตรวจเลือด
  • ตรวจปัสสาวะ
  • วัดความดันเลือด
  • ตรวจค่า blood gas
  • X-ray
  • Ultrasound
  • CT scan

 

การดูแลแมวที่ป่วยเป็นโรคไต

  • พยายามไม่ให้น้องแมวเกิดความเครียด
  • รักษาระดับน้ำในร่างกาย จัดให้แมวมีน้ำดื่มสะอาดตลอดเวลา
  • สังเกตอาการและจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงให้สัตวแพทย์ทราบ
  • หากแมวเบื่ออาหาร ไม่ขับถ่าย อาจเกิดจากแก๊สในกระเพาะอาหาร สัตวแพทย์สามารถช่วยฉีดยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ให้ยาลดการอาเจียน ยาบำรุงเลือด สวนขับถ่าย หรือให้น้ำเกลือผ่านทางเส้นเลือด
  • ปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกอาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพไต และคำนวณแคลอรี่ที่ควรได้รับต่อวัน โดยการประเมิณคะแนนร่างกาย และวัดปริมาณมวลกล้ามเนื้อประกอบ เพื่อไม่ให้แมวขาดโปรตีน หรือได้รับโปรตีนมากเกินไป
  • เลือกอาหารสูตรสำหรับโรคไตโดยเฉพาะ จำกัดปริมาณโปรตีน และฟอสฟอรัส
  • เพิ่มความน่ากินของอาหาร เช่น เปลี่ยนเป็นอาหารชนิดเปียก อุ่นอาหารก่อนให้แมวกิน ให้อาหารบ่อยมื้อมากขึ้น หรือ เพิ่มไขมันลงในอาหารเพื่อเพิ่มปริมาณพลังงาน
  • พาไปพบสัตวแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการแย่ลงควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

 

ความสำคัญของอาหารสำหรับโรคไตโดยเฉพาะ

  • ปริมาณโปรตีนที่ต่ำกว่าอาหารสูตรทั่วไป ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงไตได้ดีขึ้น ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน
  • โซเดียมและฟอสฟอรัสต่ำ ชะลอความเสียหายของไต
  • ปรับสมดุล น้ำ เกลือแร่ และความเป็นกรด-ด่างของร่างกาย
  • เสริมวิตามินที่จำเป็น ให้แมวป่วยได้รับสารอาหารและพลังงานที่ครบถ้วน

การดูแลแมวป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ชะลอความรุนแรงของโรค และยืดอายุสัตว์เลี้ยงที่เรารัก นอกจากการเลือกอาหารที่เหมาะสม สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับการรักษาและเฝ้าติดตามอาการโดยสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด

ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับแมว

S-Mellow REN อาหารแมวป่วยโรคไต บำรุงไตน้องแมว ขนาด 80กรัม

Original price was: 75.00฿.Current price is: 65.00฿.
อาหารเฉพาะทางที่พัฒนาสูตรมาให้เหมาะสมกับ "แมวป่วยโรคไต"  ใช้โปรตีนคุณภาพที่มีแหล่งฟอสฟอรัสต่ำ สามารถทานได้ตั้งแต่ภาวะโรคไต stage 1 - 4 มีการเสริมแคลเซียมบิวทิเรตเพื่อบำรุงทางเดินอาหาร ให้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และมีการปรับอัตราส่วนโอเมก้า 6:3 ได้เกือบถึง 2:1

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *